คุณจะออกจาก เจเนวา ซึ่งตั้งอยู่ใจกลางเมืองของ เจนีวา และเพลิดเพลินกับทิวทัศน์อันสวยงามระหว่างการเดินทาง ขณะที่คุณมาถึง ฟิเรนเซ เซ็นตา มาเรีย โนเวลลา ซึ่งตั้งอยู่ใจกลางของ ฟลอเรนซ์.
คุณจะออกจาก เจเนวา ซึ่งตั้งอยู่ใจกลางเมืองของ เจนีวา และเพลิดเพลินกับทิวทัศน์อันสวยงามระหว่างการเดินทาง ขณะที่คุณมาถึง ฟิเรนเซ เซ็นตา มาเรีย โนเวลลา ซึ่งตั้งอยู่ใจกลางของ ฟลอเรนซ์.
การเดินทางโดยรถไฟจาก เจนีวา, สวิตเซอร์แลนด์ ไปยัง ฟลอเรนซ์, อิตาลี เป็นทางเลือกที่เต็มไปด้วยความสะดวกสบายและความงดงามของทิวทัศน์ยุโรป ระยะทางประมาณ 600 กิโลเมตร คุณจะได้ผ่านเมืองสำคัญๆ เช่น มิลาน และ โตริโน ท่ามกลางทิวทัศน์ของเทือกเขาแอลป์ที่งดงามระหว่างทาง
การเดินทางเริ่มต้นที่ สถานีรถไฟเจนีวา คอร์นาแว็ง และสิ้นสุดที่ สถานีรถไฟฟลอเรนซ์ ซานตา มาเรีย โนเวลล่า โดยใช้เวลาเดินทางประมาณ 7 ชั่วโมง การเปลี่ยนขบวนรถที่มิลานเป็นสิ่งจำเป็นซึ่งเป็นโอกาสดีที่จะสัมผัสถึงวัฒนธรรมและอาหารอิตาลีแบบดั้งเดิม
เมื่อคุณเดินทางถึง ฟลอเรนซ์, เมืองแห่งศิลปะและสถาปัตยกรรมระดับโลก อย่าพลาดชมทัศนียภาพและผลงานศิลปะใน พิพิธภัณฑ์อูฟฟิซี, โบสถ์ซานตา มาเรีย เดล ฟิออเร และ ดูโอโม่ ที่สวยงาม
เดินทางโดยรถไฟในยุโรปไม่เพียงแต่สะดวกสบาย แต่ยังเป็นวิธีที่ยั่งยืนในการสำรวจความงามของทวีปนี้ ให้คุณได้สัมผัสกับวัฒนธรรมและประสบการณ์ที่ไม่เหมือนใครในแต่ละเมืองที่คุณผ่านไป

รถไฟจาก เจนีวา ไปยัง ฟลอเรนซ์ ใช้เวลาเท่าไหร่?
การเดินทางโดยรถไฟจากเจนีวาถึงฟลอเรนซ์โดยประมาณ 6 ถึง 7 ชั่วโมง ขึ้นอยู่กับการเปลี่ยนแปลงเส้นทางและเวลารอรถไฟ.
การเดินทางที่เร็วที่สุดจาก เจนีวา ไปยัง ฟลอเรนซ์ โดยรถไฟคืออะไร?
การเดินทางที่รวดเร็วที่สุดคือการใช้บริการรถไฟความเร็วสูง TGV และ Frecciarossa, ซึ่งต้องเปลี่ยนรถไฟที่มิลาน.
รถไฟจาก เจนีวา ไปยัง ฟลอเรนซ์ ราคาเท่าไหร่?
ราคาโดยประมาณตั้งแต่ €75 ถึง €200 ขึ้นอยู่กับชั้นที่นั่ง และวันเวลาในการเดินทาง.
มีรถไฟวิ่งตรงจาก เจนีวา ไปยัง ฟลอเรนซ์ หรือไม่?
ไม่, ผู้โดยสารต้องเปลี่ยนรถไฟที่มิลานหรือเมืองอื่น ๆ ในเส้นทาง.
ระยะทางจาก เจนีวา ไปยัง ฟลอเรนซ์ โดยรถไฟเท่าไหร่?
ระยะทางโดยรถไฟประมาณ 530 กิโลเมตร.
รถไฟจะหยุดที่เมืองใดบ้างในเส้นทางจาก เจนีวา ไปยัง ฟลอเรนซ์?
รถไฟอาจหยุดที่เมืองหลัก ๆ เช่น ชามบารี, มิลาน และโบโลญญา ก่อนถึงฟลอเรนซ์.
เจนีวา เมืองแห่งแม่น้ำโรนที่เต็มไปด้วยเสน่ห์ทางประวัติศาสตร์และสถาปัตยกรรมจากยุคกลางจนถึงยุคใหม่ ทำให้เป็นจุดหมายปลายทางที่เหมาะสำหรับผู้ที่หลงใหลในวัฒนธรรมและประวัติศาสตร์.
พิพิธภัณฑ์แห่งอาร์ตและประวัติศาสตร์ (Musée d'Art et d'Histoire): หนึ่งในพิพิธภัณฑ์ที่ใหญ่ที่สุดใน เจนีวา และมีคอลเลกชันศิลปะที่หลากหลายตั้งแต่ยุคโบราณจนถึงสมัยใหม่ สถานที่ตั้งอยู่ในใจกลางเมือง เปิดทุกวันยกเว้นวันจันทร์ ค่าเข้าชมฟรี. มหาวิหารเซนต์ปีแยร์ (St. Pierre Cathedral): มหาวิหารหลักของ เจนีวา ที่มีประวัติยาวนานมากกว่า 850 ปี โดดเด่นด้วยสถาปัตยกรรมแบบโกธิคและโรมานเอสก์ เปิดทุกวัน และมีการเปิดให้เข้าชมภายในฟรี. พาเลส เดส เนชั่นส์ (Palais des Nations): อาคารที่เป็นศูนย์กลางการทำงานของสหประชาชาติ นอกจากความสำคัญทางการเมืองแล้ว ยังโดดเด่นด้วยสถาปัตยกรรมแบบ Art Deco การเยี่ยมชมต้องจองล่วงหน้า. น้ำพุเจนีวา (Jet d'Eau): หนึ่งในสัญลักษณ์ของเมืองที่ขึ้นชื่อเรื่องน้ำพุสูง 140 เมตร ตั้งอยู่ที่ท่าเรือ Eaux-Vives ไม่มีค่าเข้าชม และเป็นจุดที่สามารถชมวิวของเมืองได้อย่างงดงาม. สวนอังกฤษ (Jardin Anglais): สวนสาธารณะที่มีความสวยงามตั้งอยู่ริมฝั่งน้ำเลคจากเนปเชอร์ สวนนี้เต็มไปด้วยพันธุ์ไม้และประติมากรรมต่างๆ เป็นสถานที่ที่เหมาะสำหรับการพักผ่อน. ตลาดเมืองเก่า (Marché de la Vieille Ville): ตลาดที่เรียงรายไปด้วยร้านค้าขายอาหารท้องถิ่นและสินค้าฝีมือ มีเสน่ห์ด้วยบรรยากาศย้อนยุค เปิดทุกวันเสาร์ทั้งวัน. พิพิธภัณฑ์พาเทค ฟิลิป (Patek Philippe Museum): พิพิธภัณฑ์นาฬิกาที่เล่าเรื่องราวของการผลิตนาฬิกาใน เจนีวา และแสดงนาฬิกาโบราณที่มีค่าที่สุดในโลก ค่าเข้าชม 10€.การเดินทางรอบ เจนีวา จะให้ความรู้สึกที่ผสมผสานระหว่างความเก่าแก่และความทันสมัย ทำให้ทุกมุมของเมืองมีเสน่ห์ไม่เหมือนใคร และเต็มไปด้วยประสบการณ์ที่ท้าทายการค้นหา.

เมืองฟลอเรนซ์เป็นหนึ่งในมุกมณีของอิตาลีที่รังสรรค์ความงามทางประวัติศาสตร์และสถาปัตยกรรมอันน่าทึ่ง ตั้งแต่ความอลังการของคาทีดรัลไปจนถึงมาสเตอร์พีซของศิลปินระดับโลก ต่อไปนี้คือรายการสถานที่ท่องเที่ยวที่คุณไม่ควรพลาดเมื่อมาเยือนเมืองแห่งนี้:
มหาวิหารซานตา มาเรีย เดล ฟิออเร (Duomo di Firenze): เป็นสัญลักษณ์ของเมืองที่โดดเด่นด้วยหลังคาโดมขนาดใหญ่และการตกแต่งภายในที่อลังการ ตั้งอยู่ใจกลางเมือง มหาวิหารเปิดให้เข้าชมตั้งแต่เวลา 10:00-17:00 ค่าเข้าชม €18 แนะนำให้จองตั๋วล่วงหน้าเพื่อความสะดวกในการเข้าชมการเดินทางรอบเมืองฟลอเรนซ์สามารถทำได้ง่ายด้วยระบบขนส่งสาธารณะที่มีประสิทธิภาพหรือการเดินเท้าเพื่อสัมผัสบรรยากาศที่แท้จริงของเมือง มีร้านอาหารและคาเฟ่มากมายรอบๆ จุดท่องเที่ยวที่ให้บริการอาหารอิตาเลียนแท้ๆ ซึ่งคุณไม่ควรพลาดการลิ้มลองพิซซ่าและเจลาโต้ที่เลื่องชื่อ

เจนีวา มีสถานีรถไฟหลักที่ใหญ่และสำคัญที่สุดคือ Gare Cornavin นอกจากนี้ยังมีสถานีรองอื่นๆ เช่น Genève Eaux-Vives และ Genève Sécheron ที่ให้บริการเชื่อมต่อไปยังพื้นที่ใกล้เคียงและเมืองที่สำคัญอื่นๆ ในสวิตเซอร์แลนด์ และต่างประเทศ ซึ่งเชื่อมต่อคมนาคม อย่างมีประสิทธิภาพต่อทั้งภายในและระหว่างประเทศ
สถานี Gare Cornavin ตั้งอยู่ที่ Place de Cornavin, 1201 Genève ให้บริการเวลาทำการที่ยืดหยุ่นตั้งแต่เช้าจรดค่ำ เพื่อรองรับนักท่องเที่ยวและชาวเมืองที่เดินทางไปมา นอกจากนี้ยังมีบริการเก็บกระเป๋า ซึ่งมีประโยชน์มากสำหรับผู้ที่ต้องการสำรวจเมืองโดยไม่ต้องแบกของหนักๆ ติดตัว สถานีนี้ให้บริการครบครัน ซึ่งรวมถึงร้านค้า ร้านอาหาร และบริการต่างๆ เพื่อความสะดวกสบายสูงสุดของผู้ใช้บริการ
สถานีรถไฟหลักของฟลอเรนซ์คือ ฟลอเรนซ์ ซานตา มาเรีย โนเวลลา (Firenze Santa Maria Novella) ซึ่งเป็นศูนย์กลางการเดินทางที่สำคัญของเมือง นอกจากนี้ยังมีสถานีอื่นๆ เช่น ฟลอเรนซ์ คัมโป ดิ มาร์เต และ ฟลอเรนซ์ ริฟเรดี้ ที่ให้บริการเชื่อมต่อไปยังหลายพื้นที่ในเมืองและพื้นที่โดยรอบเพื่อความสะดวกสบายในการเดินทางผู้เดินทางสามารถใช้บริการรถไฟเหล่านี้ไปยังจุดหมายปลายทางต่างๆ ได้อย่างรวดเร็วและสะดวกสบาย
สถานี ฟลอเรนซ์ ซานตา มาเรีย โนเวลลา ตั้งอยู่ที่ Piazza della Stazione, 50123 Firenze, พร้อมให้บริการตั้งแต่เวลา 04:30 น. ถึง 01:30 น. ทุกวันบริการเก็บกระเป๋าที่สถานีนี้เป็นที่นิยมสำหรับนักท่องเที่ยวที่ต้องการสำรวจเมืองโดยไม่ต้องแบกรับภาระของสัมภาระ เป็นอีกหนึ่งวิธีที่ทำให้การเดินทางภายในฟลอเรนซ์และการเชื่อมต่อไปยังเมืองอื่นๆ ในอิตาลีเป็นไปอย่างราบรื่นและสะดวกสบาย
จองล่วงหน้า:
เช่นเดียวกับค่าตั๋วเครื่องบิน ราคาตั๋วรถไฟมีแนวโน้มที่จะเพิ่มขึ้นเมื่อใกล้ถึงวันเดินทาง การจองล่วงหน้าหลายสัปดาห์หรือหลายเดือนสามารถช่วยคุณประหยัดเงินได้มาก
เดินทางในช่วงเวลาที่ไม่ค่อยมีคนใช้บริการ:
หลีกเลี่ยงการเดินทางในช่วงเวลาที่มีคนใช้บริการมาก เช่น เช้าวันธรรมดาและช่วงเย็น เลือกเดินทางในช่วงกลางวัน ช่วงเย็น หรือช่วงกลางสัปดาห์เมื่อมีความต้องการน้อยกว่า
พิจารณารถไฟที่ช้าลงหรือเส้นทางที่ไม่วิ่งตรง:
รถไฟด่วนหรือรถไฟความเร็วสูงอาจประหยัดเวลา แต่ก็มักจะแพงกว่า การเลือกใช้บริการรถไฟท้องถิ่นหรือบริการที่ช้าลงสามารถลดค่าโดยสารได้
มองหาข้อเสนอพิเศษและโปรโมชั่น:
ผู้ประกอบการรถไฟบางครั้งมีโปรโมชั่นหรือข้อเสนอพิเศษ โดยเฉพาะในช่วงฤดูที่ไม่ใช่ฤดูท่องเที่ยว การสมัครรับจดหมายข่าวอาจคุ้มค่า นอกจากนี้ยังมีส่วนลดตั๋วกลุ่มหรือตั๋วไปกลับบางครั้ง ดังนั้นพิจารณาตัวเลือกเหล่านี้หากเหมาะสมกับแผนการเดินทางของคุณ